ด้วยคณะสงฆ์และกรรมการวัดเวฬุวัน ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินการสร้างอุโบสถหลังใหม่ เนื่องจากอุโบสถหลังเดิมได้ชำรุดหลายแห่ง เช่น หลังคาและผนัง เป็นต้น ทำให้มีน้ำรั่วซึมในฤดูฝน นอกจากนั้นยังมีขนาดค่อนข้างเล็ก ไม่สามารถรองรับพระสงฆ์ที่ประชุมทำสังฆกรรมต่างๆที่มีจำนวนมากกว่า ๔๐ รูปได้ บางครั้งพระสงฆ์ล้นออกมาข้างนอกอุโบสถ ซึ่งไม่เหมาะสมนักในการทำสังฆกรรม จึงเห็นสมควรสร้างอุโบสถหลังใหม่ขึ้น
อนึ่ง วัดเวฬุวัน เป็นวัดศูนย์กลางของตำบลนิคม และเป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดกาฬสินธ์ (ธรรมยุต) มีหน่วยงานและประชาชนทั่วไปมาอบรมธรรมะและปฏิบัติธรรมปีละหลายครั้ง ทำให้สถานที่อบรม คือ ศาลาการเปรียญไม่เพียงพอ เนื่องจากมีขนาดเล็ก สามารถบรรจุผู้มาอบรมได้ ประมาณ ๒๐๐ คนเท่านั้น
ฉะนั้น ด้วยความจำเป็นดังกล่าว จึงเห็นสมควรสร้างอุโบสถเอนกประสงค์ขึ้น สามารถรองรับพระสงฆ์มาประชุมทำสังฆกรรมได้ ๑๐๐ รูป และผู้มาอบรมธรรมะได้ จำนวน ๓๕๐ คน ขึ้นไป โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญดังนี้
ปรึกษาหารือคณะสงฆ์และทายกทายิกาของวัดเวฬุวัน ตลอดถึงกราบเรียนปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ (ธรรมยุต) เสร็จแล้วจัดทำโครงการ แต่งตั้งคณะกรรมการ และประชาสัมพันธ์
เป็นอุโบสถรูปทรงประยุกต์ ศิลปะอีสาน ร่วมสมัย มีขนาดความกว้าง ๑๗ เมตร ยาว ๒๔ เมตร สูง ๒ ชั้น โดยชั้นแรกใช้สำหรับอบรมธรรมะและศาสนกิจอื่นๆ ส่วนชั้นสอง ขนาด กว้าง ๘ เมตร ยาว ๑๒ เมตร ใช้ทำสังฆกรรมของพระสงฆ์ เช่น การบรรพชาอุปสมบทกุลบุตร และการฟังพระปาฏิโมกข์ เป็นต้น
อุโบสถดังกล่าวนี้ได้รับการออกแบบด้านสถาปัตย์ โดยนายพรเดช อุยะนันท์ บริษัท PAA สตูดิโอ จำกัด กรุงเทพฯ และนายจมร ปรปักษ์ประลัย นายช่างจากกรมศิลปกร ส่วนโครงสร้างได้รับการออกแบบโดย นายศิริชัย รณเกียรติ บริษัท A+B จำกัด กรุงเทพฯ ทั้ง ๓ ท่านได้ดำเนินการให้ด้วยกุศลจิต ไม่คิดค่าจ้างแต่อย่างใด
พ.ศ. ๒๕๕๖-๒๕๖๐ โดยประกอบพิธียกเสาเอกและเริ่มก่อสร้าง เมื่อ ๒๔ พฎษภาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ เวลา ๑๐.๓๙ น. ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา โดยมี พระครูสิทธิวราคม เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ นายนิวัน นาพรม เป็นประธานฝ่ายฆราวาส คาดว่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อย พ.ศ. ๒๕๖๐ รวมระยะ เวลาก่อสร้าง ๕ ปี
ประมาณ จำนวน ๑๑,๐๐๐,๐๐๐ บาท โดยคาดว่าจะได้รับการสนับสนุนจากองค์กรและผู้มีจิตศรัทธา ดังนี้